Loading...
การบริการข้อมูล องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาว

28/11/2023 :: ( 77 ผู้เข้าชม )

องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาว

Link---->  http://www.chiangdaosao.go.th/home.php 

  1. ข้อมูลด้ายกายภาพ ดังนี้

          1.1 ที่ตั้งของตำบล

                   องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาว มีพื้นที่รับผิดชอบภายในเขตตำบลเชียงดาว ซึ่งเป็นหนึ่งตำบลในอำเภอเชียงดาวจำนวนตำบลทั้งสิ้น 7 ตำบล อยู่ห่างจากศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่ – ฝาง) เป็นระยะทางประมาณ 63 กิโลเมตร อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเชียงดาวมาทางทิศใต้เป็นระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร

          1.2 เนื้อที่

                   ตำบลเชียงดาว มีพื้นที่ทั้งหมด ๒๐๕.๒๒ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1๒๘,๒๖๒.๕๙ ไร่

          1.3 อาณาเขติดต่อ

                   - ทิศเหนือ               ติด         ตำบลเมืองงาย, ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว

                   - ทิศใต้                  ติด         ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว

                   - ทิศตะวันออก         ติด         อำเภอพร้าว     

                   - ทิศตะวันตก           ติด         ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว

         1.4 จำนวนประชากร

         1.5 จำนวนหมู่บ้าน

                   ตำบลเชียงดาวแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 หมู่บ้าน ได้แก่

                   หมู่ที่  1 บ้านทุ่งละคร                         หมู่ที่  9    บ้านทุ่งหลุก

                   หมู่ที่  2 บ้านดอน                            หมู่ที่ 10 บ้านนาเลา

                   หมู่ที่  3 บ้านม่วงฆ้อง                        หมู่ที่ 11 บ้านแม่เตาะ

                   หมู่ที่  4 บ้านวังจ๊อม                          หมู่ที่ 12 บ้านโรงวัว

                   หมู่ที่  5 บ้านถ้ำ                              หมู่ที่ 13 บ้านทุ่งดินแดง

                   หมู่ที่  6 บ้านเชียงดาว                       หมู่ที่ 14 บ้านหัวทุ่ง

                   หมู่ที่ 7 บ้านดง                                หมู่ที่ 15 บ้านศรีสะอาด

                   หมู่ที่ 8 บ้านแม่ก๊ะ                            หมู่ที่ 16 บ้านผาลาย

          หมายเหตุ : หมู่ที่ 4,6,7,8 และ 13 เป็นพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับเทศบาลตำบลเชียงดาว
                                                                    หมู่ที่ 10 และ 16 เป็นหมู่บ้านชาวเขา

         1.6 ลักษณะภูมิประเทศ

                   สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มและที่ราบเชิงเขา ลักษณะพื้นที่ของตำบลเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านยาววางตัวในแนวตะวันออกตะวันตก ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงทางด้านตะวันตก โดยมีภูเขาที่สำคัญ คือ ดอยหลวงเชียงดาว ดอยหลวง ดอยแม่สันกลาง และดอยผาแดง และที่ราบระหว่างหุบเขาอยู่ตอนกลาง ทางด้านตะวันออกเป็นเขาสูงเช่นเดียวกัน มีป่าไม้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีน้ำแม่ก๊ะ น้ำแม่มาด และห้วยเนาเลา เป็นทางน้ำสายหลัก ไหลสู่ที่ราบของตำบลเชียงดาวที่อยู่ตอนกลางซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง

         1.7 สภาพอากาศ

                   ลักษณะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปตามฤดู ซึ่งมี ๓ ฤดู ดังนี้

           - ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนสูงสุดในช่วงเดือนเมษายน ในช่วงฤดูร้อนมีอุณหภูมิระหว่าง 23 - 39 องศาเซลเซียส เกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ภูเขาสูงซึ่งเป็นพื้นที่เกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซากเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนมีนาคม – เดือนเมษายน ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นควันซึ่งเป็นมลพิษ          ทางอากาศโดยพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

           - ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่มิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม ฝนจะตกชุกช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน ในช่วงฤดูฝนมีอุณหภูมิระหว่าง 20 – 36 องศาเซลเซียส โดยพื้นที่อำเภอเชียงดาวมีปริมาณฝนต่อปีเฉลี่ย    สูงกว่า 1,200 มิลลิเมตร พายุหมุนเขตร้อนจากทะเลจีนใต้และลมมรสุมจากมหาสมุทรแปซิฟิกด้าน            ทิศตะวันตกก่อให้เกิดลมแรงและมีฝนตกหนัก โดยพายุหมุนเขตร้อนมีโอกาสเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ตำบลเชียงดาวตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมต่อเนื่องถึงต้นเดือนกันยายนได้มากที่สุด

         - ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมกราคม อากาศเย็นและแห้ง บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด    ซึ่งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งในตอนเช้า เป็นเกล็ดสีขาวตามยอดหญ้า ที่เรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า “เหมยขาบ” ซึ่งในช่วงฤดูหนาวมีอุณหภูมิระหว่าง 11 - 32 องศาเซลเซียส

  1. 2. สภาพทางเศรษฐกิจ ดังนี้

          2.1 อาชีพ

                   ลักษณะการค้าและรวมกลุ่มจะเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นโดยทั่วไป มีการรวมตัวกันของกลุ่มการเกษตร วิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กและกลุ่มสมุนไพรพื้นบ้าน และตลาดแรงงาน      ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาวส่วนใหญ่เพื่อภาคการเกษตร จะมีการว่าจ้างตามฤดูการผลิตและรับจ้างทั่วไปเกี่ยวกับงานด้านการเกษตร อัตราค่าแรงอยู่ที่ประมาณ 300 บาท/วัน

          2.2 แหล่องท่องเที่ยว

           - ดอยหลวงเชียงดาว เป็นภูเขาสูงอันดับ 3 ของประเทศ รองจากดอยอินทนนท์และ      ดอยผ้าห่มปก เป็นภูเขาหินปูนรูปทรงสัณฐานคล้ายปิรามิด มีความสูง 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเล         ชื่อในสมัยก่อนเรียกว่า "ดอยอ่างสลุง" โดยคำว่า สลุง หมายถึงอ่างน้ำหรือขันน้ำ เชื่อกันตามตำนานพื้นเมืองว่าเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาพร้อมพระอรหันต์ 8 รูป ทรงลงสรงน้ำในสลุงทองคำหรือบริเวณอ่างสลุง จึงเรียกดอยแห่งนี้ว่า "ดอยหลวง" เนื่องจากเป็นดอยที่มีขนาดสูงใหญ่ ซึ่งคำว่าหลวงในภาษาพื้นเมืองภาคเหนือ หมายถึง “ใหญ่" ต่อมาเพี้ยนเป็น "ดอยหลวงเพียงดาว" (ดอยหลวงเปียงดาวในภาษาเหนือ) เปรียบเสมือนภูเขาใหญ่โตและสูงเสียดฟ้าเทียบเท่าดวงดาว จนกลายมาเป็น "ดอยหลวงเชียงดาว" ในปัจจุบัน

                - ถ้ำเชียงดาว ตั้งอยู่ที่เชิงเขาดอยหลวงเชียงดาว ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหลักของอำเภอเชียงดาว ซึ่งประกอบไปด้วยถ้ำต่าง ๆ มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป มีหินงอก
หินย้อยงดงามตระการตา พร้อมกับพระพุทธรูป และพระนอนโบราณ ประดิษฐานอยู่เพื่อให้กราบไหว้ บริเวณด้านหน้าถ้ำจะมีแอ่งน้ำใสสะอาด ซึ่งเกิดจากลำธารที่ไหลมาจากภูเขาออกมาที่บริเวณปากถ้ำ       การนำเที่ยวในถ้ำเชียงดาวสามารถใช้บริการของมัคคุเทศก์ในชุมชนที่เป็นประชาชนหรือนักเรียนในพื้นที่

         - จุดชมวิวบ้านนาเลาใหม่ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 10 บ้านนาเลา ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว บนดอยหลวงเชียงดาว ไปตามถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 3024 (ต.เชียงดาว - ต.เมืองคอง) โดยจัดให้มีระเบียงเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพทิวทัศน์ดอยหลวงเชียงดาวได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่เน้นความเรียบง่าย ไม่มีแสงสี มีสิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มากนัก

         - โป่งน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ  ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 12 เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเอง           ตามธรรมชาติคงสภาพดังเดิมไว้ โดยเลี้ยวจาก 5 แยก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 (ถนนเลี่ยงเมือง)      เข้ามาประมาณ 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางเข้าศูนย์วิจัยสัตว์ป่าเชียงดาว

          - ป่าเศรษฐกิจชุมชนแบบพอเพียง  บ้านหัวทุ่ง หมู่ที่ 14 ชุมชนที่มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีสภาพพื้นที่และขอบเขตของการจัดการป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง ครอบคลุมพื้นที่ป่าประมาณ 4,000 กว่าไร่ ที่จัดเป็นพื้นที่ป่าใช้สอย 2,000 ไร่ และเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์อีกประมาณ 2,000 ไร่ โดยมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 400 - 800 เมตร และมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วย       พืชพันธุ์นานาชนิด ไม้ยืนต้นสูงตระหง่าน พืชพันธุ์ป่าระดับต่างๆ ตั้งแต่พืชระดับล่างขึ้นเกลี่ยดินจนถึง          พืชระดับบนที่โตสูงระฟ้า รวมทั้งพืชพันธุ์สมุนไพรอีกมากมายที่ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน

  1. สภาพทางสังคม ดังนี้

          3.1 การศึกษา

           มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาว จำนวน 5 แห่ง ได้แก่

                             1) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งละคร                    หมู่ที่ 1

        2) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านดอน(ศรีสะอาด)            หมู่ที่ 15

        3) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านม่วงฆ้อง                    หมู่ที่ 3

        4) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านถ้ำ                          หมู่ที่ 5

        5) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านผาลาย                     หมู่ที่ 16

           มีโรงเรียนในพื้นที่จำนวน 7 โรงเรียน ได้แก่

           1) โรงเรียนบ้านทุ่งละคร       สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านทุ่งละคร

           2) โรงเรียนบ้านดอน           สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านดอน

           3) โรงเรียนบ้านถ้ำ             สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านถ้ำ

           4) โรงเรียนบ้านทุ่งหลุก        สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านทุ่งหลุก

           5) โรงเรียนบ้านปางแดง       สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านทุ่งหลุก

           6) โรงเรียนเจ้าฟ้าอุบลรัตน์    สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่           3 ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านแม่ก๊ะ     

7) โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม  สอนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6

                                   ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านดอน

3.2 สาธารณสุข

                   การบริการด้านสาธารณสุขมีศูนย์บริการทางสาธารณสุข จำนวน 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลเชียงดาวซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐขนาด 60 เตียง ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านดอน ตำบลเชียงดาว

3.3 การสังคมสงเคราะห์

                   - ดำเนินการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยเอดส์

                   - รับลงทะเบียนและประสานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

                    - ประสานงานการทำบัตรผู้พิการ

                   - ตั้งโครงการจ้างนักเรียน /นักศึกษาทำงานช่วงปิดภาคเรียน

                   - ประสานขอรับการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ

                       มนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่

                   - ประสานขอรับการช่วยเหลือให้กับผู้ไร้ที่พึ่ง

  1. การบริการพื้นฐาน ดังนี้

          4.1 การคมนาคมขนส่ง

                   - เดินทางโดยรถส่วนตัว ตามทางหลวงหมายเลข 107 เส้นเชียงใหม่ – ฝาง จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

                   - ขนส่งมวลชน โดยรถบัสประจำทาง รถตู้ปรับอากาศประจำทาง และรถสองแถวประจำทาง
สายเชียงใหม่-ท่าตอน, เชียงใหม่-ฝาง โดยขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารช้างเผือก

          4.2 การไฟฟ้า

                   ในเขตตำบลเชียงดาวมีไฟฟ้าเข้าถึงทุกหมู่บ้าน (ยกเว้นหมู่ที่ 10 บ้านนาเลา เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว โดยใช้โซล่าเซลล์) และมีไฟฟ้าใช้เกือบทุกหลังคาเรือนซึ่งอยู่ในเขตการให้บริการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

          4.3 การประปา

                   ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาวมีระบบประปาหมู่บ้านและประปาภูเขาครบทั้ง    16 หมู่บ้าน โดยบางหมู่บ้าน ครัวเรือนบางหลังใช้บริการจากการประปาส่วนภูมิภาค อีกทั้งยังมีบางพื้นที่        ที่ประปายังให้บริการไม่ครอบคลุมทั่วถึง จะใช้วิธีการขุดบ่อน้ำตื้นและบ่อบาดาลไว้ใช้เอง

  1. ประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ดังนี้

          5.1 ประเพณี

                   ประเพณีรดน้ำดำหัว  เป็นประเพณีอันดีงามที่ชาวเหนือได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยจะมีการรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ตนเคารพนับถือและกระทั่งคนทั่ว ๆ ประเพณีจะมีขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายนของทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นปีใหม่ในอดีตโดยเรียกขานว่าประเพณีปี๋ใหม่เมือง

                   ประเพณียี่เป็ง หรือ ประเพณีเดือนยี่ คือ ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาโดยคำว่า           ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสอง   ของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย จะมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน ทำประตูป่า              ด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อยทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ ขึ้นเป็นพุทธบูชา        และมีการจุดถ้วยประทีป (การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อีกทั้งการเข้าวัดฟังธรรม โดยการตั้งธรรมหลวงหรือเทศน์มหาชาติในอดีตเป็นหัวใจหลักของงานยี่เป็ง

                   ประเพณีตานข้าวใหม่และตานข้าวจี่ข้าวหลาม  นิยมทำในเดือน ๔ เหนือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ หรือเรียกว่าเดือน ๔ เป็ง เพราะเป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวข้าว และเอาข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ใหม่มาทำบุญ ก่อนที่จะนำไปรับประทาน เป็นประเพณีที่ได้ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ประเพณีตานข้าวใหม่ คนเชียงดาวโดยเฉพาะชุมชนพื้นเมืองล้านนาจะนำข้าวเปลือก ข้าวสารใหม่ ข้าวหลาม ข้าวต้ม ขนมจ๊อก(ขนมเทียน) ห่อนึ่ง อาหารไปตานขันข้าว (เครื่องไทยทานอาหารคาว หวานถวายให้กับผู้ล่วงลับ) และนำข้าวใหม่ไปใส่บาตรทำบุญแด่พระสงฆ์สามเณรที่วัดพร้อมอุทิศส่วนกุศลให้บิดา มารดาและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว

                   ประเพณีปอยหลวง  คำว่า “ปอย” มาจากคำว่า “ประเพณี “หมายถึง งานฉลองรื่นเริง    ส่วนคำว่า “หลวง” หมายถึง “ยิ่งใหญ่” ดังนั้นคำว่า “ปอยหลวง” จึงเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่หรืองานฉลอง      ที่ใหญ่โต ซึ่งเป็นการฉลองถาวรวัตถุของวัด สิ่งก่อสร้างของวัด หรือฉลองสิ่งก่อสร้างที่ประชาชนช่วยกันทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ เพื่อจัดงานเฉลิมฉลองศาสนสถานที่สร้างขึ้นจากศรัทธาของชาวบ้าน เช่น โบสถ์ วิหาร ศาลา กุฏิ หรือกำแพงวัด เป็นต้น โดยมีความเชื่อว่าเป็นอานิสงค์แก่ตนและครอบครัวโดยถือว่าได้        บุญกุศลแรงมาก มักจัดขึ้นในช่วงเวลาจากเดือน ๕ จนถึงเดือน ๗ เหนือ (ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคมของทุกปี) ระยะเวลาประมาณ ๓ - ๗ วัน

                   ประเพณีเปรตพลี (เป๊ต๊ะพลี) หรือประเพณี ๑๒ เป็ง ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๑0 ของทุกปี คนล้านนาเชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่ยมบาลปล่อยเปรต ปล่อยผี ออกจากนรก สัตว์ที่ไม่เคยได้รับส่วนบุญกุศลก็จะมารับได้ในวันนี้ จะมีการเปิดโลกทั้งสามให้สัตว์โลกทั้งหลายได้ใช้ชีวิตของตนตามอัธยาศัย ฉะนั้นชาวเหนือ       จะทำบุญถวายอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติของตนที่เสียชีวิตไปแล้วเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบุพการีหรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะทำบุญถวายเครื่องไทยทาน และฟังเทศน์ ๑ กัณฑ์ เรียกว่า "กัณฑ์เปรตพลี"

                   ประเพณีตานก๋วยสลาก หรือที่ภาษาไทยภาคกลางเรียกว่า “สลากภัต” เป็นประเพณี       เนื่องในพระพุทธศาสนาที่กระทำสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ในภาคเหนือจะเรียกประเพณีต่างกันไป        ในแต่ละท้องถิ่น มีทั้ง ตานสลาก กิ๋นข้าวสลาก กิ๋นก๋วยสลาก กิ๋นสลาก แต่ก็ล้วนหมายถึงประเพณีเดียวกัน     แม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปบ้างก็ตาม ซึ่งคำว่า“ก๋วย” เป็นภาษาเหนือ หมายถึงตะกร้าหรือชะลอมที่สานด้วยไม้ไผ่ โดยประเพณีถวายทานสลากภัตเป็นวิธีการถวายเครื่องไทยทานแก่พระสงฆ์วิธีหนึ่ง     อันเป็นที่นิยมของชาวเหนือ โดยทั่วไปจะเริ่มในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ เหนือ (กันยายน) ถึงแรม ๑ ค่ำเดือนเกี๋ยงดับ (พฤศจิกายน) ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างวัดกับชุมชน สร้างความสามัคคีในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย นอกจากจะเป็นการทำบุญให้คนตายยังทำทานให้คนเป็นอีกด้วย

          5.2 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาษาถิ่น

                   "ก๋วย" เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่อยู่คู่กับชุมชนมานาน แต่ก่อนนั้นยังไม่ได้มีการทำเป็นอาชีพ จนเมื่อมีผู้นำก๋วยมาเผยแพร่ให้คนในชุมชน จนทำให้ก๋วยกลายเป็นนอาชีพเนื่องจากการรับซื้อพืชผัก           จากเกษตรกรไปขายตลาดในเมือง จึงจำเป็นต้องนำก๋วยมาใส่ผัก

                   "ยาสมุนไพร" เป็นภูมิปัญญาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย สืบทอดกันมาจนมีผู้คนนิยมและได้รับการคัดเลือกให้เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของตำบลเชียงดาว ที่ถ้ำเชียงดาวก็ยังเป็นแหล่งรวมการขายสมุนไพรนานาชนิดมาโดยตลอด ซึ่งตำบลเชียงดาวก็มีของดีเป็นสมุนไพรระดับประเทศ อาทิเช่น          กวาวเครือขาว สายพันธ์วิชัย ๓ และยังมีว่าน 108 ว่านมงคล ว่านเมตตามหานิยม เครือเขาหลง รังนกเขาหลง น้ำมันว่าน 108 เป็นต้น

ประชากรโดยส่วนใหญ่ในท้องถิ่นยังคงใช้ภาษาเหนือในการพูดคุยสื่อสารตอบโต้กัน             โดยเรียกว่า คำเมือง (, กำเมือง) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ภาษาถิ่นภาคพายัพ เป็นภาษาถิ่นของชาวไทยทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งเป็นอาณาจักรล้านนาเดิม ได้แก่ เชียงใหม่เชียงรายอุตรดิตถ์แพร่น่านแม่ฮ่องสอนลำพูนลำปางพะเยา คำเมืองมีไวยากรณ์คล้ายกับภาษาไทยกลางแต่ใช้คำศัพท์ไม่เหมือนกันและไวยากรณ์ที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่เดิมใช้คู่กับ อักษรธรรมล้านนา ซึ่งเป็นตัวอักษรของอาณาจักรล้านนาที่ใช้อักษรมอญเป็นต้นแบบ พบเห็นได้ในพับสา คัมภีร์ใบลาน สมุดข่อย เป็นต้น                 แต่ในปัจจุบันนั้นมีผู้อ่านอักษรล้านนาได้น้อยคน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ใช้คำเมือง (กำเมือง) แค่การพูดคุยในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีการเรียนการเขียนตัวอักษรล้านนา (ตั๋วเมือง) หรือใช้อักษรล้านนา                 ในชีวิตประจำวันแต่อย่างใด


Tags: