27/11/2023 :: ( 68 ผู้เข้าชม )
Link----> https://www.baanwan.go.th/
คำขวัญประจำตำบลบ้านแหวน
“ประเพณีเลิศล้ำ วัฒนธรรมงามเด่น
ประชาอยู่ร่มเย็น บ้านแหวนเน้นพัฒนา”
ตำบล “บ้านแหวน ” เดิมมีชื่อว่า “บ้านหนองแหวน ” เพราะมีหนองน้ำแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน หนองน้ำนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน มีความลึกและกว้างเป็นอย่างมาก เป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินของชาวบ้านและได้มีผู้นำหมู่บ้านซึ่งมีศักดิ์เป็นกำนันในสมัยปัจจุบัน ชื่อว่า“พญามโน” ได้ปกครองดูแลลูกบ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน ท่านพญามโนปกครองลูกบ้านด้วยคุณธรรม อยู่มาวันหนึ่ง แม่ปั๋น เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ได้ออกหาปลาที่หนองน้ำแห่งนี้ตามปกติ และได้พบแหวนโบราณติดมากับสวิงหาปลา จึงนำแหวนวงนั้นไปให้พญามโน เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็พากันไปดูเป็นจำนวนมาก ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นได้พบสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ต่างก็ลงความเห็นว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของแหวนวงนั้นและเชื่อกันว่าแหวนวงนั้นถ้าไปอยู่ที่ใคร หรือผู้ใดครอบครองแหวน มักมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับคนๆนั้นเสมอ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครครอบครองแหวนวงนั้นและตกลงกันว่า ควรเป็นสมบัติของหมู่บ้านจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า“บ้านแหวน”
เทศบาลตำบลบ้านแหวน เดิมเป็นสภาตำบล ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ซึ่งมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของราชการบริหารส่วนภูมิภาค หลังจากนั้นได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 16 ธันวาคม 2539 โดยอาศัยมาตรา 40 และ 41 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 ให้จัดตั้งสภาตำบลบ้านแหวนเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2539 ต่อมากระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน มีสภาพเหมาะสม สมควรให้จัดตั้งเป็นเทศบาลตำบล จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 แห่ง พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน เป็นเทศบาลตำบลบ้านแหวน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 27ตุลาคม 2552 และให้มีฐานะเป็นเทศบาลตำบลบ้านแหวน นับตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา
ตราสัญลักษณ์ประจำเทศบาลตำบลบ้านแหวน
องค์ประกอบตราสัญลักษณ์
มีรูปเป็นวงกลมสองวงซ้อนกัน โดยภายในวงกลมเล็กด้านในมีรูปแหวนวงใหญ่ 1 วง ด้านในของแหวนมีรูปบ้าน 1 หลัง และมีก้อนเมฆลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของ ชื่อตำบลและแสดงให้เห็นว่า ประชาชนในตำบลบ้านแหวนอยู่กันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจากสัญลักษณ์ ที่เป็นบ้านและท้องฟ้าที่แจ่มใส ความหมายขององค์ประกอบตราสัญลักษณ์มีรายละเอียดดังนี้
¨ รูปแหวน เป็นสัญลักษณ์ของตำบล ตามประวัติดั้งเดิมของตำบล เดิมมีชื่อหมู่บ้านว่าบ้านหนองแหวนต่อมามีการค้นพบแหวนโบราณจากหนองน้ำที่ใช้เป็นสถานที่ทำมาหากินของชาวบ้านดังนั้นชาวบ้านจึงได้ลงความเห็นกันว่าควรเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านใหม่จากเดิมบ้านหนองแหวนมาเป็น “บ้านแหวน” และต่อมาจึงได้รับการยกฐานะ ขึ้นเป็นตำบลบ้านแหวน
¨ รูปบ้าน มีความหมายว่า ประชาชนในตำบลบ้านแหวนมีความรักความสามัคคี เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันทั้งหมด ถึงแม้ว่าตำบลบ้านแหวนจะมีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับชุมชนเมืองเป็นอย่างมาก โดยสังเกตจากการขยายพื้นที่ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่ขยายเข้ามาซึ่งแสดงถึงความเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่ว่าตำบลบ้านแหวนจะเจริญขึ้นจนใกล้เคียงกับชุมชนในเมืองมากเพียงใดแต่ความรักความสามัคคีของคนในชุมชนก็ยังคงมีอยู่เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งตำบล
¨ สีน้ำเงิน เป็นสีประจำตำบลบ้านแหวน ซึ่งได้ใช้มาตั้งแต่เป็น องค์การบริหารส่วนตำบล
¨ สีเหลือง เป็นสีที่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หมายความว่าคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา พนักงานและประชาชนในตำบลบ้านแหวนมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1.2 เนื้อที่
เทศบาลตำบลบ้านแหวน ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอหางดง ประมาณ 2 กิโลเมตรและตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ไปทางทิศใต้ประมาณ 11 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (ถนนสายเชียงใหม่ – ฮอด) มีเนื้อที่รวมประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 8,750 ไร่
1.3 อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลหนองควายและตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลหนองแก๋วและตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลน้ำแพร่และตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลสบแม่ข่า อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
จำนวนประชาชกร
จากข้อมูลและสถิติประชากรตามทะเบียนราษฎร เดือน กันยายน 2566 ตำบลบ้านแหวน มีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น 11,796 คน แยกเป็น ชาย 5,453 คน หญิง 6,343 คน รายละเอียดได้ดังนี้
สถิติจำนวนประชากร |
|||
จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหางดง ตำบลบ้านแหวน |
|||
ข้อมูลเดือน กันยายน 2566 |
|||
พื้นที่ |
ชาย |
หญิง |
รวม |
ยอดรวมทั้งหมด |
5,453 |
6,343 |
11,796 |
หมู่ที่ 1 บ้านไร่ |
577 |
631 |
1,208 |
หมู่ที่ 2 บ้านโขงขาว |
413 |
432 |
845 |
หมู่ที่ 3 บ้านท้าวบุญเรือง |
781 |
938 |
1,719 |
หมู่ที่ 4 บ้านช่างคำน้อย |
376 |
423 |
799 |
หมู่ที่ 5 บ้านช่างคำหลวง |
688 |
835 |
1,523 |
หมู่ที่ 6 บ้านปากกอง |
222 |
257 |
479 |
หมู่ที่ 7 บ้านป่าหมาก |
248 |
289 |
537 |
หมู่ที่ 8 บ้านต้นเฮือด |
623 |
841 |
1,464 |
หมู่ที่ 9 บ้านเดื่อ |
271 |
316 |
587 |
หมู่ที่ 10 บ้านจอมทอง |
413 |
398 |
811 |
หมู่ที่ 11 บ้านดู่ |
344 |
403 |
747 |
หมู่ที่ 12 บ้านดอนไฟ |
215 |
249 |
464 |
หมู่ที่ 13 บ้านศรีสรร |
282 |
331 |
613 |
ที่มา : https://stat.bora.dopa.go.th/ ระบบสถิติทางการทะเบียน Official statistics registration systems สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
หมู่บ้านที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดคือ บ้านดอนไฟ หมู่ที่ 12 มีจำนวนประชากร 464 คน แยกเป็นเพศชาย 215 คน เพศหญิง 249 คน และหมู่บ้านที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดคือ บ้านท้าวบุญเรือง หมู่ที่ 3 มีจำนวนประชากร 1,719 คน แยกเป็นเพศชาย 781 คน เพศหญิง 938 คน
1.4.2 ช่วงอายุและจำนวนประชากร
ตารางแสดง สถิติจำนวนประชากร แยกชาย-หญิง ตามช่วงอายุ
ประชากรรายอายุ |
|||
แยกตามเพศ |
|||
จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหางดง ตำบลบ้านแหวน |
|||
ข้อมูลเดือน กันยายน 2566
|
|||
อายุ (ปี) |
ชาย |
หญิง |
รวม |
ยอดรวมทั้งหมด |
5,453 |
6,343 |
11,796 |
อายุน้อยกว่า 1 ปี |
39 |
35 |
74 |
อายุ 1 |
35 |
26 |
61 |
อายุ 2 |
42 |
36 |
78 |
อายุ 3 |
48 |
35 |
83 |
อายุ 4 |
47 |
37 |
84 |
อายุ 5 |
53 |
53 |
106 |
อายุ 6 |
37 |
57 |
94 |
อายุ 7 |
82 |
55 |
137 |
อายุ 8 |
71 |
45 |
116 |
อายุ 9 |
71 |
73 |
144 |
อายุ 10 |
54 |
52 |
106 |
อายุ 11 |
56 |
50 |
106 |
อายุ 12 |
47 |
44 |
91 |
อายุ 13 |
69 |
48 |
117 |
อายุ 14 |
51 |
65 |
116 |
อายุ 15 |
44 |
50 |
94 |
อายุ 16 |
57 |
58 |
115 |
อายุ 17 |
63 |
49 |
112 |
อายุ 18 |
61 |
51 |
112 |
อายุ 19 |
44 |
42 |
86 |
อายุ 20 |
50 |
62 |
112 |
อายุ 21 |
47 |
75 |
122 |
อายุ (ปี) |
ชาย |
หญิง |
รวม |
อายุ 22 |
60 |
53 |
113 |
อายุ 23 |
50 |
54 |
104 |
อายุ 24 |
50 |
58 |
108 |
อายุ 25 |
69 |
58 |
127 |
อายุ 26 |
72 |
82 |
154 |
อายุ 27 |
82 |
74 |
156 |
อายุ 28 |
77 |
90 |
167 |
อายุ 29 |
82 |
67 |
149 |
อายุ 30 |
90 |
99 |
189 |
อายุ 31 |
95 |
95 |
190 |
อายุ 32 |
81 |
105 |
186 |
อายุ 33 |
70 |
85 |
155 |
อายุ 34 |
68 |
82 |
150 |
อายุ 35 |
70 |
86 |
156 |
อายุ 36 |
79 |
86 |
165 |
อายุ 37 |
75 |
95 |
170 |
อายุ 38 |
92 |
102 |
194 |
อายุ 39 |
99 |
101 |
200 |
อายุ 40 |
81 |
107 |
188 |
อายุ 41 |
92 |
105 |
197 |
อายุ 42 |
111 |
98 |
209 |
อายุ 43 |
90 |
102 |
192 |
อายุ 44 |
88 |
111 |
199 |
อายุ 45 |
85 |
123 |
208 |
อายุ 46 |
78 |
118 |
196 |
อายุ 47 |
86 |
105 |
191 |
อายุ 48 |
62 |
90 |
152 |
อายุ 49 |
84 |
101 |
185 |
อายุ 50 |
72 |
122 |
194 |
อายุ 51 |
86 |
103 |
189 |
อายุ 52 |
82 |
102 |
184 |
อายุ 53 |
82 |
118 |
200 |
อายุ 54 |
73 |
110 |
183 |
อายุ 55 |
69 |
98 |
167 |
อายุ 56 |
77 |
117 |
194 |
อายุ 57 |
94 |
106 |
197 |
อายุ 58 |
94 |
117 |
211 |
อายุ (ปี) |
ชาย |
หญิง |
รวม |
อายุ 59 |
91 |
101 |
192 |
อายุ 60 |
101 |
104 |
205 |
อายุ 61 |
88 |
118 |
206 |
อายุ 62 |
80 |
108 |
188 |
อายุ 63 |
92 |
118 |
210 |
อายุ 64 |
73 |
130 |
203 |
อายุ 65 |
76 |
96 |
172 |
อายุ 66 |
81 |
94 |
175 |
อายุ 67 |
75 |
88 |
163 |
อายุ 68 |
56 |
80 |
136 |
อายุ 69 |
57 |
78 |
135 |
อายุ 70 |
52 |
73 |
125 |
อายุ 71 |
55 |
83 |
138 |
อายุ 72 |
49 |
50 |
99 |
อายุ 73 |
34 |
40 |
74 |
อายุ 74 |
38 |
63 |
101 |
อายุ 75 |
25 |
32 |
57 |
อายุ 76 |
27 |
39 |
66 |
อายุ 77 |
22 |
20 |
42 |
อายุ 78 |
30 |
20 |
50 |
อายุ 79 |
21 |
19 |
40 |
อายุ 80 |
16 |
13 |
29 |
อายุ 81 |
14 |
21 |
35 |
อายุ 82 |
16 |
20 |
36 |
อายุ 83 |
12 |
18 |
30 |
อายุ 84 |
9 |
13 |
22 |
อายุ 85 |
6 |
13 |
19 |
อายุ 86 |
7 |
17 |
24 |
อายุ 87 |
4 |
8 |
12 |
อายุ 88 |
10 |
7 |
17 |
อายุ 89 |
9 |
5 |
14 |
อายุ 90 |
4 |
8 |
12 |
อายุ 91 |
2 |
8 |
10 |
อายุ 92 |
5 |
3 |
8 |
อายุ 93 |
0 |
3 |
3 |
อายุ 94 |
1 |
1 |
2 |
อายุ 95 |
0 |
4 |
4 |
อายุ (ปี) |
ชาย |
หญิง |
รวม |
อายุ 96 |
1 |
2 |
3 |
อายุ 97 |
2 |
0 |
2 |
อายุ 98 |
0 |
1 |
1 |
อายุ 99 |
0 |
0 |
0 |
อายุ 100 |
0 |
0 |
0 |
อายุมากกว่า 100 ปี |
0 |
1 |
1 |
เกิดปีจันทรคติ |
0 |
0 |
0 |
ที่มา : https://stat.bora.dopa.go.th/ ระบบสถิติทางการทะเบียน Official statistics registration systems สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ตารางแสดง สถิติจำนวนครัวเรือนจากทะเบียน แยกรายหมู่บ้าน
สถิติจำนวนบ้าน |
|
จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหางดง ตำบลบ้านแหวน |
|
ข้อมูลเดือน กันยายน 2566 |
|
หมู่บ้าน |
หลัง/ครัวเรือน |
ยอดรวมทั้งหมด |
7,028 |
หมู่ที่ 1 บ้านไร่ |
736 |
หมู่ที่ 2 บ้านโขงขาว |
398 |
หมู่ที่ 3 บ้านท้าวบุญเรือง |
970 |
หมู่ที่ 4 บ้านช่างคำน้อย |
539 |
หมู่ที่ 5 บ้านช่างคำหลวง |
906 |
หมู่ที่ 6 บ้านปากกอง |
333 |
หมู่ที่ 7 บ้านป่าหมาก |
425 |
หมู่ที่ 8 บ้านต้นเฮือด |
898 |
หมู่ที่ 9 บ้านเดื่อ |
355 |
หมู่ที่ 10 บ้านจอมทอง |
321 |
หมู่ที่ 11 บ้านดู่ |
459 |
หมู่ที่ 12 บ้านดอนไฟ |
254 |
หมู่ที่ 13 บ้านศรีสรร |
434 |
ที่มา : https://stat.bora.dopa.go.th/ ระบบสถิติทางการทะเบียน Official statistics registration systems สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
จำนวนหมู่บ้าน
เทศบาลตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีเขตความรับผิดชอบ 1 ตำบล 13 หมู่บ้าน ดังนี้
ตารางแสดงรายชื่อหมู่บ้านในเขตเทศบาลตำบลบ้านแหวน
หมู่ที่ |
หมู่บ้าน |
1 |
บ้านไร่ |
2 |
บ้านโขงขาว |
3 |
บ้านท้าวบุญเรือง |
4 |
บ้านช่างคำน้อย |
5 |
บ้านช่างคำหลวง |
6 |
บ้านปากกอง |
7 |
บ้านป่าหมาก |
8 |
บ้านต้นเฮือด |
9 |
บ้านเดื่อ |
10 |
บ้านจอมทอง |
11 |
บ้านดู่ |
12 |
บ้านดอนไฟ |
13 |
บ้านศรีสรร |
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศของตำบลบ้านแหวน ตั้งอยู่บริเวณที่ราบตอนกลางของอำเภอหางดง ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่ - ฮอด) เป็นระยะทาง 11 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปภายในตำบลเป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีป่าเขา มีคลองชลประทาน ไหลผ่านและด้านตะวันออกของตำบลส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 8,750 ไร่
สภาพอากาศ
สภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมที่พัดประจำฤดูกาล 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดพามวลอากาศเย็นและแห้งจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยในช่วงฤดูหนาว ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีอากาศหนาวเย็นและแห้งทั่วไป กับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพัดพามวลอากาศชื้นจากทะเลและมหาสมุทรปกคลุมประเทศไทยในช่วงฤดูฝน ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีฝนตกทั่วไป ตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบสะวันนา คืออากาศร้อน อุณหภูมิสูงตลอดปีในฤดูฝนมีฝนตกปานกลาง อุณหภูมิเฉลี่ย 24.85 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศร้อนอุณหภูมิประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส
ฤดูกาล
ฤดูกาลของจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณาตามลักษณะลมฟ้าอากาศของประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้
ฤดูร้อน เริ่มประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีอากาศร้อนอบอ้าวทั่วไป
โดยเฉพาะในเดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนอบอ้าว มากที่สุดในรอบปี
ฤดูฝน เริ่มประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระยะที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าสู่ประเทศไทย อากาศจะเริ่มชุ่มชื้น และมีฝนตกชุกตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปเดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือเดือนสิงหาคม
ฤดูหนาว เริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย อากาศโดยทั่วไปจะหนาวเย็นและแห้ง เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดคือเดือนมกราคม
อุณหภูมิ
เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่อยู่ทางภาคเหนือตอนบน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนปกคลุม ทำให้มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 25.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32.2 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศร้อนที่สุดอยู่ในเดือนเมษายน เคยตรวจอุณหภูมิสูงที่สุดได้ 42.5 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 ที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ อำเภอเมือง ส่วนฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20.8 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศหนาวที่สุดอยู่ในเดือนมกราคม ซึ่งเคยตรวจอุณหภูมิต่ำที่สุดของจังหวัด 3.7 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2517 ที่สถานีอากาศเกษตรแม่โจ้อำเภอสันทราย
ฝน
จังหวัดเชียงใหม่มีฝนตลอดปีเฉลี่ยทั้งจังหวัดประมาณ 1,100 มิลลิเมตร โดยพื้นที่ตอนบนของจังหวัดบริเวณอำเภอฝาง เวียงแหง เชียงดาวและไชยปราการ มีปริมาณฝนสูงกว่า 1,200 มิลิเมตรซึ่งสูงกว่าบริเวณอื่น ๆ ส่วนพื้นที่ทางตอนล่างบริเวณอำเภอดอยเต่า จอมทอง แม่แจ่ม แม่วางและตอนกลางของจังหวัดบริเวณอำเภอแม่ริม สันทรายและสันกำแพง มีปริมาณฝนต่ำกว่า 1,000 มิลลิเมตร บริเวณอำเภอเมืองมีปริมาณฝนตลอดปีประมาณ 1,130.6 มิลลิเมตรและมีฝนตกประมาณ 118 วัน เดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือเดือนสิงหาคม มีปริมาณฝนเฉลี่ย 217 มิลลิเมตรและฝนตกประมาณ 21 วัน ปริมาณฝนมากที่สุดใน 1 วัน วัดได้ 166.5 มิลลิเมตร เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2511
หมายเหตุ
- สถิติภูมิอากาศที่เป็นค่าเฉลี่ยใช้ข้อมูล คาบ 30 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 – 2553
- สถิติภูมิอากาศที่มีค่าเป็นที่สุดใช้ข้อมูล ตั้งแต่ พ.ศ. 2494 – 2562
ที่มา : ศูนย์ภูมิอากาศ สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา มกราคม 2563
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ http://www.cmmet.tmd.go.th
ประชากรในเขตตำบลบ้านแหวน มีรายได้ส่วนมากจากการทำการเกษตร อาทิเช่น ทำนา ข้าวไร่ ทำสวนลำไยและปลูกถั่วเหลือง เป็นต้น แต่รายได้ของเกษตรกรยังไม่ดีพอเนื่องจากกลไกการตลาด บางปีมีผลผลิตมากทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ ขาดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเกษตรกรรม ผู้บริโภค ตื่นกลัว เนื่องจากเกษตรกรใช้สารเคมีในการเกษตรกรรมมากเกินความจำเป็น
ข้อมูลด้านแหล่งน้ำการเกษตร
มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรไหลผ่าน อาทิเช่น คลองส่งน้ำจากชลประทาน และมีแหล่งน้ำธรรมชาติไหลผ่าน ได้แก่ ลำน้ำแม่ท่าช้าง เป็นต้น
ข้อมูลด้านแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ (หรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค)
ประชาชนใช้น้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภค จากระบบประปาหมู่บ้าน จำนวน 13 หมู่บ้าน
ส่วนประกอบการด้านบริการ
ก.โรงแรม/รีสอร์ท จำนวน 3 แห่ง
ข.โรงภาพยนต์ จำนวน - แห่ง
ค.สถานที่จำหน่ายอาหารตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 จำนวน 1 แห่ง
ง.ร้านอาหาร จำนวน 80 แห่ง
จ.ร้านขายของ จำนวน 132 แห่ง
ฉ.บ้านเช่า จำนวน 26 แห่ง
ช.ห้องเช่า หอพัก ห้องแถว จำนวน 102 แห่ง
ซ.โรงงาน โรงเก็บของ โกดัง โรงเลื่อยไม้ จำนวน 57 แห่ง
ที่มา : ข้อมูลงานพัฒนาและจัดเก็บรายได้ กองคลัง เทศบาลตำบลบ้านแหวน
ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เทศบาลตำบลบ้านแหวน เป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมไม้แกะสลักและแอนติกที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง อาทิ เช่น
วัดโขงขาว
ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตตามตำนานเล่าสืบทอดกันมาว่า วัดโขงขาวแห่งนี้ พร้อมทั้งศาสนวัตถุมีวิหารเป็นต้นไม้ ก่อสร้างขึ้นเมื่อสมัยพระนางจามเทวีเสด็จมาสร้างเจดีย์พระธาตุดอยคำในขณะเดียวกันก็มีพระราชศรัทธาได้สร้างวิหารวัดโขงขาวขึ้นเป็นพระพุทธบูชามีพระอาจารย์เจ้าอาวาสสืบต่อกันมาหลายรูปตั้งแต่ ครูบานันทะเถระ, ครูบาพรหม, ครูบาโปธา, ครูบาตาคำพระอธิการอินตา พระครูปิยรัตนภรณ์ ในปัจจุบันมีพระครูปลัดจู วชิรเมธี เป็นเจ้าอาวาสวัดโขงขาว มี ศาสนสถานที่ที่สวยงามหาดูได้ยาก เช่น พระวิหาร พระอุโบสถหินอ่อน ศาลา
ลายล้อมพระอุโบสถภายในวัดยังสะอาด ร่มรื่น กว้างขวางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมพักผ่อนหย่อนใจ ชมศิลปะงานปูนปั้นงดงาม ประณีต หาดูได้ยาก เดินทางสะดวกโดยใช้ถนนสายเลียบคลองชลประทาน
วัดป่าหมาก
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมาก หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง จากคำบอกเล่าจากคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านว่า สถานที่นี้เป็นวัดร้างมาหลายชั่วอายุคนแล้ว มาในปี พ.ศ.2515 พระอาจารย์บุญมา ฐิตสทฺโธ พร้อมด้วยญาติธรรม โดยการนำของพ่อกำนันหลวงวิญญารัตน์ ได้นำญาติธรรมมาทำการแผ้วถาง วัดร้าง ซึ่งเป็นป่าอันรกทึบให้มีความสะอาดขึ้น จึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อที่จะสร้างเป็นวัดขึ้น อาจารย์บุญมาก็ได้พบแผ่นจารึกขึ้นหนึ่งแผ่น จารึกในแผ่นอิฐในองค์พระเจดีย์อันเก่าแก่จึงได้นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดี จึงทราบว่าวัดนี้สร้างมาประมาณปี พ.ศ. 2115 พระอาจารย์บุญมา ฐิตสทฺโธ พร้อมด้วยญาติธรรม จึงบูรณะขึ้นใหม่ ในวัดนี้มีความสำคัญในตำบลบ้านแหวนและชาวบ้านป่าหมาก ด้วยเหตุว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีพระธาตุเจดีย์ประดิษฐ์สถานอยู่และผู้คนในชุมชนและใกล้เคียงได้จัดให้มีประเพณีสรงน้ำพระธาตุกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โรงงานอุตสาหกรรมในตำบลบ้านแหวน เป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก มีโรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น การแกะสลักจากไม้ โรงงานแอนติก โรงสีข้าว เป็นต้น
ก. โรงงานแกะสลัก จำนวน - แห่ง
ข. โรงงานแอนติก จำนวน - แห่ง
ค. โรงสีข้าว จำนวน 3 แห่ง
สถานประกอบการด้านพาณิชยกรรม
ก.ปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ จำนวน 9 แห่ง
Tags: